วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้บ้าน

พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก 
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก (คันคากเป็นภาษาอีสานแปลว่า คางคก) ตั้งอยู่ที่จังหวัดยโสธร เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานบั้งไฟ ซึ่งเป็นประเพณีที่โดดเด่นของ จ.ยโสธร เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สอดแทรกตำนานเกี่ยวกับพญาคางคกและบั้งไฟ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องราวอันเป็นตำนานพื้นเมืองของชาวอีสานแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์และ ความหลากหลายทางชีวภาพ
พิพิธภัณฑ์พญาคันคากเป็นพิพิธภัณฑ์ 1 ใน 3 พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีบุญบั้งไฟ โดยพิพิธภัณฑ์ที่เหลือคือ พิพิธภัณฑ์พญาแถน และพิพิธภัณฑ์พญานาค ซึ่งตามตำนานนั้นพญาคันคากเป็นโอรสของกษัตริย์ แต่มีผิวพรรณเหมือนคางคก ซึ่งภาษาอีสานบ้านเฮาเรียกว่า “คันคาก” แต่ด้วยมีบุญญาธิการมากจึงได้รับการช่วยเหลือจากพระอินทร์และเป็นที่นับถือ ของชาวบ้าน จนลืมเซ่นสรวงบูชาพญาแถน ทำให้พญาแถนไม่ปล่อยฝนลงมาบนโลก 
ตามตำนานชาวอีสาน เชื่อว่าโลกมีโลกมนุษย์และโลกเทวดา โดยโลกมนุษย์อยู่ใต้โลกเทวดา และเรียกเทวดาว่า “แถน” ส่วนฟ้าฝนหรือลมนั้นเป็นอิทธิพลของแถน การที่พญาแถนไม่ปล่อยฝนให้ตกลงบนโลกมนุษย์ทำให้พญาคันคากอาสานำสัตว์ต่างๆ อาทิ ช้าง ม้า วัว ควาย ปลวก ผึ้ง ต่อแตน ขึ้นไปรบกับพญาแถนจนชนะ และปล่อยให้ฝนตกตามเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบอกกล่าว จึงเป็นที่มาของประเพณีบั้งไฟ พิพิธภัณฑ์พญาคันคากก่อสร้างเป็นรูปคางคก เป็นอาคารสูง 5 ชั้น หรือประมาณ 19 เมตร พื้นที่ประมาณ 835 ตารางเมตร และนิทรรศการภายในจะบอกเรื่องเกี่ยวกับที่มาของบั้งไฟ โดยจัดฉายเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทยที่มีอยู่กว่า 20 ชนิด ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ อพวช. ร่วมศึกษากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมไปถึงคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ทั่วโลกซึ่งมีกว่า 500 ชนิด และมีการรวบรวมของดีทางด้านเกษตรกรรมของเมืองยโสธรไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย อาทิ จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดที่เกิดขึ้นก่อนจังหวัดอื่นๆ ในอีสานใต้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชื่อว่า “ยศสุนทร” ก่อนเปลี่ยนเป็นยโสธร หรือเป็นจังหวัดที่มีข้าวหอมมะลิอร่อยที่สุดในประเทศไทยนัยยะจากตำนานบอกเราเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร วัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ

พิพิธภัณฑ์ พญาคันคาก ยโสธร (6)


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คางคก ยโสธร






















วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

สถานที่่ประทับใจในโรงเรียนยโสธรพิทยา




สนามหญ้าข้างเสาธง
เป็นสถานที่ที่มีคนชอบไปนั่งเล่นรอเลิกเรียน มีอากาศที่สดชื่น มองเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาได้ที่ถนน
เป็นสถานที่ที่ชอบไปนั่งเล่นกับเพื่อนๆ



เป็นสถานที่เข้าแถวตอนเช้า  และยังเป็นสถานที่ที่มีนักเรียนชอบไปเล่นบอล เล่นบาส
รวมทั้งนั่งเล่นเป็นกลุ่มๆ


ทางเดิน
เป็นสถานที่ที่มีคนเยอะมากตอนจะเลิกเรียน เป็นสถานที่ที่มีอากาศสดชื่น  มีนักเรียนชอบไปนั่งเล่นเป็น
กลุ่มๆ

บทความวิชาการ

น้ำตกเอราวัณ




น้ำตกเอราวัณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ น้ำตกมีความสวยงามอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติ เดินไปยังน้ำตกไม่ไกล ไม่ลำบาก น้ำใส และมีแอ่งน้ำเหมาะกับการเล่นน้ำท่ามกลางแมกไม้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว สามารถโดยสารรถประจำทางไปได้ และอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัดเมือง กาญจน์มากนัก

น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์

น้ำตกเอราวัณ เดิมชื่อ "น้ำตกสะด่องม่องลาย" ที่ได้มาจากต้นน้ำ ชื่อลำธารม่องไล่ และห้วยอมตะลา น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลลงมาจากยอดเขาสูง ผ่านโขดหินผา และป่าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาชนิด มารวมกันเป็นแอ่งน้ำเป็นช่วงๆ ทำให้เกิดเป็นชั้นของนำ้ตก ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป น้ำตกมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น มีชื่อเรียกแต่ละชั้นคล้องจองกัน จากชั้นแรกถึงชั้นที่เจ็ดคือ "ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ" น้ำตกแต่ละชั้นมีระยะทางแตกต่างกันตั้งแต่ ชั้นต้นๆ เดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงชั้นบนสุด 1,520 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินผ่านป่าขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นหน้าผาทะลุเปิดโล่ง บางช่วงค่อนข้างลำบาก ชัน และลื่นบ้าง ชั้นบนสุดหลายคนบอกว่ารูปร่างผามองดูแล้วคล้ายกับหัวช้างสามเศียรเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณนั่นเอง

น้ำตกเอราวัณมีลักษณะสวยงามเป็นพิเศษ ตรงที่สีของน้ำเป็นสีฟ้าใส เหมือนสระว่ายน้ำ เนื่องจากเป็นน้ำที่ผ่านมาจากเขาหินปูน ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง มีคุณสมบัติทำให้สารแขวนลอยตกตะกอน ถ้าสังเกตบริเวณที่ไม่มีคนเล่นน้ำจะเห็นน้ำใสมาก น้ำตกในชั้นต้นๆ เป็นแหล่งน้ำของปลาน้ำตกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ปลาพลวง" ที่มีให้เห็นเป็นจำนวนมาก น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่คนชอบเดินลุยป่าไม่ควรพลาด เพราะ สามารถเดินเลือกเล่นน้ำในแต่ละชั้นที่ต้องการได้ สายน้ำเย็นฉ่ำที่ผ่านโขดหินทำให้น้ำตกมีลักษณะโดดเด่น สวยงามแตกต่างกันในแต่ละชั้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เล่นในแอ่งน้ำใส ยังสามารถเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดได้ด้วย น้ำตกเอราวัณมีน้ำตลอดปี ช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนธันวาคม - เมษายน อาจมีน้ำน้อยบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแห้ง

บริเวณที่ทำการอุทยานฯ​ มีการจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม น้ำตกในชั้นต้นๆ อยู่ไม่ไกลกันมากนัก เมื่อต้องการไปยังตัวน้ำตกชั้นแรก ต้องเดินไปอีก 500 เมตร
ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง น้ำตกยังไม่ค่อยสวยมาก เหมาะสำหรับนั่งปิกนิก มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร ริมน้ำตก
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา มีปลาพลวงเวียนว่ายในน้ำใสอยู่เป็นจำนวนมาก แอ่งน้ำสีฟ้า มีม่านน้ำตก ไหลผ่านหินย้อย เหมือนกับนำ้ไหลผ่านปากถ้ำ ลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เหมาะกับการลงเล่นน้ำ บางช่วงอาจลึก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชูชีพลงเล่นได้
น้ำตกชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ก่อนขึ้นไปยังน้ำตกนี้ จะมีจุดตรวจอาหาร ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่ม และขวดน้ำ ขึ้นไปจากชั้นนี้เด็ดขาด ต้องฝากเจ้าหน้าที่เอาไว้ 
ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ทางอุทยานทำทางเดินบันไดไว้อย่างเรียบร้อย แต่เส้นทางค่อนข้างสูงชันอยู่เหมือนกัน ระหว่างทางไปน้ำตกชั้นที่ 4 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าดิบแล้งม่องไล่ ระยะทาง 1,010 เมตร สามารถเดินแยกไปตามเส้นทางนั้นได้ ชั้นนี้ดูดีๆ จะเห็นหิน 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนหน้าอกผู้หญิง แต่มีลักษณะใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เลยได้ชื่อเป็นอกนางผีเสื้อ (สมุทร) ซะเลย ชั้นนี้มีน้ำไหลตามหินลงมายังแอ่งด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้
จากนี้เส้นทางจะค่อนข้างลำบากขึ้น และเป็นทางชันขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุด น้ำตก
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาแบบเตี้ยๆ เป็นแอ่งตื้นๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่น
ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา อยู่ห่างจากชั้น 5 แค่ 300 เมตร มีน้ำตกอยู่หลายมุม ตามแมกไม้ต่างๆ
ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ การเดินทางไปถึง ต้องเดินผ่านหิน ปีนบันไดไปอีก เป็นทางที่เหนื่อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็คุ้มกับการมาดู เพราะเป็นชั้นที่สูงที่สุดและสวยที่สุด มีสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ผ่านแมกไม้ และแนวหิน มาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง




ดาราที่ชอบ



















อารยา เอ ฮาร์เก็ต (ชื่อเล่น: ชมพู่) มีชื่อเต็มว่า อารยา อัลเบอร์ต้า ฮาร์เก็ต (อังกฤษAraya Alberta Hargate) เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 เป็นนักแสดงชาวไทย จบการศึกษาระดับอนุบาลที่โรงเรียนวิมลทิพย์, ระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนกาญมณี, ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบดินทรเดชา, ระดับปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยรังสิต



อารยา เอ ฮาร์เก็ต เข้าสู่วงการเมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะอายุได้ 17 ปี จากการประกวด “มิสมอเตอร์โชว์” ปีเดียวกับ เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ ต่อมาได้รับการติดต่อจาก รัมภา ภิรมย์ภักดี ผู้เขียนบทประจำบริษัทดาราวิดีโอให้มาทดสอบหน้ากล้อง และผ่านการทดสอบจึงได้เซ็นสัญญากับบริษัทดาราวิดีโอ ละครเรื่องแรกที่เล่นคือ เพลงพราย ทางช่อง 7 สี ประกบกับ บี๋-สวิช เพชรวิเศษศิริ จากนั้นก็มีผลงานมาโดยตลอดโดยมาโด่งดังจากบท แอนนี่ ในละครเรื่องดัง หมอลำซัมเมอร์ โดยเธอได้ร้องเพลงประกอบด้วย และยังได้รับโอกาสให้มาร้องเพลงประกอบละครอีกหลายต่อหลายเรื่อง เธอยังได้เล่นละครเวทีเรื่อง ม่านประเพณี และพากย์ภาพยนตร์การ์ตูน Over the Hedge รวมถึงเป็นพิธีกรบนเวทีการประกวด และงานสำคัญต่างๆ ของช่อง 7 จนได้มาเป็นพิธีกรรายการ เจาะโลกมายา และ จมูกมด รวมถึงได้ร่วมงานกับ กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ เปิ้ล-หัทยา วงศ์กระจ่าง และเป็นพิธีกรรายการทอล์คโชว์วาไรตี้ 7 กะรัต คู่กับ นีโน่-เมทนี บูรณศิริ หลังจากนั้นเธอกลับมามีชื่อเสียง และเป็นตัวแม่ของช่อง 7 จากบท "รินรดา" ในละคร ดาวเปื้อนดิน ไม่นานเธอก็ตัดสินใจย้ายช่อง จากช่อง7 (ดาราวิดีโอ) ไปช่อง 3 และทำให้เธอเป็นตัวแม่ของช่อง 3และเป็นดาราแถวหน้าของประเทศไทยจากบท "เรยา" ในละคร ดอกส้มสีทองรวมถึงเธอยังได้เปิดร้านทำผมชื่อ Celeb'Room ย่านสุขุมวิท 24 และเปิดร้านขายตุ๊กตาบลายธ์ ชื่อ The Dolls House ที่สยามพารากอนเธอเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ของ ลอรีอัล ปารีส เมคอัพ และ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเป็นตัวแทนจากเมืองไทยที่ไปร่วมในการเดินพรมแดง เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2013 ปี 2014 และปี 2015